ขั้นตอนการติดตั้งระบบฐานข้อมูล DB2 UDB ESE หรือ WSE บน AIX
1 ตรวจสอบสิ่งที่จำเป็นต้องทำเป็นเบื้องต้น ( Prerequisites )
2 การ Mount แผ่น DB2 Installation CD-ROM
3 ติดตั้งระบบฐานข้อมูล DB2 UDB Enterprise Server Edition หรือ Workgroup
Server Edition
4 ติดตั้ง FixPak ล่าสุด
5 ตรวจสอบการติดตั้งระบบฐานข้อมูล โดยใช้ Command Line Processor (CLP)
6 (ทางเลือก) ติดตั้ง DB2 Information Center
1 ตรวจสอบสิ่งที่จำเป็นต้องทำเป็นเบื้องต้น ( Prerequisites )
1.1 ระบบปฏิบัติการ
DB2 UDB Workgroup Server Edition ทำงานได้บนระบบปฏิบัติการดังนี้
- AIX Version 4.3.3 (32-bit only) with Maintenance Level 11
For JFS filesystems:
APAR IY49385
For Java:
OpenGL.OpenGL_X.rte.base
OpenGL.OpenGL_X.rte.soft
X11.adt.lib
- AIX Version 5.1.0 (32-bit และ 64-bit) with Maintenance Level 5
For JFS filesystems:
APAR IY48735
For JFS2 filesystems:
APAR IY49254
For Java:
Recommend Maintenance Package AIX5100-04 และ APAR IY46667
APAR IY49220 and specify “vmtune –T 0” before db2start หรือ
ระบุคำสั่งใน AIX boot up script
DB2 UDB Enterprise Server Edition ทำงานได้บนระบบปฏิบัติการดังนี้
- AIX Version 4.3.3 (32-bit only) with Maintenance Level 11
For JFS filesystems:
APAR IY49385
For Java:
OpenGL.OpenGL_X.rte.base
OpenGL.OpenGL_X.rte.soft
X11.adt.lib
- AIX Version 5.1.0 (32-bit และ 64-bit) with Maintenance Level 5
For JFS filesystems:
APAR IY48735
For JFS2 filesystems:
APAR IY49254
For Java:
Recommend Maintenance Package AIX5100-04 และ APAR IY46667
For running more than 1000 DB2 Agents
APAR IY49220 and specify “vmtune –T 0” before db2start หรือ
ระบุคำสั่งใน AIX boot up script
- AIX Version 5.2.0 (32-bit และ 64-bit) with Maintenance Level 2
For Concurrent I/O และ Direct I/O mounted volume:
APARs IY49129 และ IY49346
For JFS filesystems:
APAR IY48339
For JFS2 filesystems:
APAR IY49304
For Java:
Recommend Maintenance Package AIX5200-01 และ APAR IY46668
For running more than 1000 DB2 Agents
APAR IY49885 and specify “vmtune –o pta_balance_threshold=0”
before db2start หรือ ระบุคำสั่งใน AIX boot up script
AIX file sets อื่นๆ ที่จำเป็น
- X11.fnt.ucs.ttf (AIX Windows Unicode TrueType Fonts)
- xlC.rte 5.0.2.x หรือ 6.0.0.x
- xlC.AIX50.rte 5.0.2.x หรือ 6.0.0.x
1.2 Hardware
- IBM RISC/6000
- eServer pSeries
1.3 Software
- SDK 1.3.1 (AIX 4.3.3) และ SDK 1.4.1 service release 1 (AIX 5)
- Browser ในกรณีที่ต้องการใช้ Online help
1.4 Communication
- ใช้ TCP/IP ในการติดต่อกับระบบฐานข้อมูล DB2 UDB
1.5 Memory
หน่วยความจำขั้นตํ่าที่จำเป็นต้องมีคือ 512 MB (ถ้ามีหน่วยความจำมากกว่า
512 MB ระบบฐานข้อมูลจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น)
1.6 Disk
การใช้เนื้อที่ของ Disk จะขึ้นอยู่กับการเลือกประเภทของการติดตั้งดังต่อไปนี้
- Typical installation (ใช้เนื้อที่ 500 - 750 MB โดยประมาณ)
จะทำการติดตั้ง Features และ Functionality ทั้งหมดของ DB2 UDB รวมถึง
Graphical tools ต่าง ๆ รวมถึงยังสามารถเลือกติดตั้ง Data Warehousing และ
Satellite features
- Compact installation (ใช้เนื้อที่ 440 - 530 MB โดยประมาณ)
จะทำการติดตั้ง Features และ Functionality เท่าที่จำเป็นของ DB2 UDB แต่
จะไม่ทำการติดตั้ง Graphical tools ให้
- Custom installation (ใช้เนื้อที่ 440 - 940 MB โดยประมาณ)
จะสามารถเลือก Features และ Functionality ของ DB2 UDB ที่ต้องการติดตั้ง
- ในกรณีที่ต้องการติดตั้ง DB2 Information Center จะต้องเตรียมเนื้อที่
เพิ่มเติมจากเนื้อที่ ที่เตรียมไว้สำหรับการติดตั้ง DB2 UDB
- ระบบฐานข้อมูล DB2 UDB บน AIX จะติดตั้งที่ /usr/opt/db2_08_01
1.7 สามารถดูรายละเอียดล่าสุดเกี่ยวกับ OS ที่ Support ได้ที่
2 การ Mount แผ่น DB2 Installation CD-ROM
ในกรณีที่ยังไม่ได้มีการสร้าง CD-ROM file system ให้ทำตามขั้นตอนต่างๆดังนี้
- Log on เข้าสู่ระบบโดยใช้ root
- สร้าง Directory ที่ใช้สำหรับการ Mount CD-ROM
mkdir /cdrom -p
- สร้าง CD-ROM file system
crfs -e cdrfs -p -ro -d cd0 -m /cdrom
โดยที่ cd0 เป็นชื่อ device ที่ใช้แทน CD-ROM
- การ Mount CD-ROM file system
mount /cdrom
3 ติดตั้งระบบฐานข้อมูล DB2 UDB ESEหรือ WSE
3.1 Log on เข้าสู่ระบบโดยใช้ root
3.2 ใส่แผ่น DB2 UDB ใน CD-ROM drive หลังจากนั้น ทำการ Mount CD-ROM
ตามขั้นตอนที่ 2
3.3 Change Directory ไปยัง Directory ที่ใช้ mount CD-ROM ตัวอย่าง เช่น
cd /cdrom
3.4 Run คำสั่งต่อไปนี้
./db2setup
DB2 UDB จะทำการ Start DB2 Setup Launchpad ให้เลือก Install Products
3.5 จะขึ้นหน้าจอให้เลือก Product ที่ต้องการติดตั้ง ให้เลือก DB2 UDB ESE
(กรณีที่เป็น Enterprise Edition) หรือ DB2 UDB WSE (กรณีที่เป็น Workgroup
Edition) Click Next
3.6 จะขึ้นหน้าจอ Welcome to the DB2 Setup wizard ให้ Click Next
3.7 จะขึ้นหน้าจอ Software License Agreement ให้เลือก Accept Click Next
3.8 จะขึ้นหน้าจอ Installation Type ให้เลือก Custom แล้ว Click Next
3.9 จะขึ้นหน้าจอ Installation Action ให้เลือก Install DB2 ESE on this computer
แล้ว Click Next
3.10 จะขึ้นหน้าจอให้เลือก Features ของ DB2 UDB ที่ต้องการจะทำการติดตั้ง ให้
เลือก Features ที่ต้องการ (จะทำการติดตั้ง DB2 UDB ที่ /usr/opt/db2_08_01)
แล้ว Click Next
3.11 จะขึ้นหน้าจอให้เลือกภาษาสำหรับ User Interface และ Message ต่างๆ
แล้ว Click Next
3.12 จะขึ้นหน้าจอให้เลือก Location ที่จะทำการ Access DB2 Information Center
On the IBM Web Site จะทำการ Access เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับ DB2 UDB ผ่าน
IBM Web Site
Install the DB2 Information Center separately after this DB2 product install จะ
ต้องทำการติดตั้ง DB2 Information Center ที่ Server ที่ติดตั้ง
DB2 UDB
On the following Intranet Server จะทำการจะทำการ Access เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับ
DB2 UDB ผ่าน Intranet Server ที่ระบุ
ให้ระบุ Location ที่ต้องการ Click Next
3.13 จะขึ้นหน้าจอให้ใส่ชื่อ user, password และ group ที่ใช้ในการควบคุมการ
ทำงานของ DB2 Administration Server (DAS) ให้ใส่ชื่อ user ที่ต้องการโดยค่า
Default คือ dasusr1 และ dasadm1 แล้ว Click Next
3.14 จะขึ้นหน้าจอให้ทำการ Setup DB2 Instance ให้เลือก Create 32-bit DB2
Instance หรือ Create 64-bit DB2 Instance (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) Click Next
3.15 จะขึ้นหน้าจอให้ระบุว่าจะสร้าง DB2 Instance ในรูปแบบใด ให้เลือก
Single-partition Instance แล้ว Click Next
3.16 จะขึ้นหน้าจอให้ใส่ชื่อ user, password และ group ที่ใช้ในการควบคุมการ
ทำงานของ DB2 Instance ให้ใส่ชื่อ user ที่ต้องการ โดยค่า Default คือ db2inst1
และ db2grp1 แล้ว Click Next
3.17 จะขึ้นหน้าจอให้ใส่ชื่อ user, password และ group ที่ใช้ในการ Execute Fenced
User Defined Functions (UDFs) และ Stored Procedure ให้ใส่ชื่อ user
ที่ต้องการ โดยค่า Default คือ db2fenc1 และ db2fgrp1 แล้ว Click Next
3.18 จะขึ้นหน้าจอให้ทำการตั้งค่า TCP/IP Communication (ค่า default คือ
db2c_db2inst1 และ 50000 Click Next
3.19 จะขึ้นหน้าจอให้ทำการตั้งค่า Instance properties Click Next
3.20 จะขึ้นหน้าจอให้สร้าง Metadata ของ Data Warehouse Center และ Task
Center ให้เลือกดังนี้
- ในกรณีที่ต้องการใช้ Data Warehouse Center (ETL Tool) ให้เลือก prepare
the DB2 tools catalog and Warehouse control database
- ในกรณีที่ไม่ต้องการใช้ Data Warehouse Center (ETL Tool) ให้เลือก prepare
the DB2 tools catalog
- Click Next
3.21 จะขึ้นหน้าจอให้ระบุชื่อฐานข้อมูล และชื่อ Schema สำหรับ DB2 Tools Catalog
ให้ระบุชื่อที่ต้องการ (ค่า Default คือ TOOLSDB และ SYSTOOLS)
และให้ระบุชื่อ Schema ของ DB2 Metadata (ค่า Default คือ
SYSTOOLS ในกรณีที่เป็น DB2 tools catalog และ IWH ในกรณีที่เป็น
warehouse control database) Click Next
3.22 จะขึ้นหน้าจอให้ใส่ Administration Contact List ให้เลือก Local ในกรณีที่
ต้องการให้ DB2 ส่ง Mail หรือ Pager ในกรณีที่เกิดปัญหา ให้เลือก Enable
notification แล้วใส่ชื่อ SMTP Server ที่จัดการระบบ email Click Next
3.23 ในกรณีที่ไม่ได้เลือก Enable notification จะฟ้อง Warning ให้ Click OK
3.24 จะขึ้นหน้าจอ Contact for health monitor notification ให้ใส่ชื่อ และ email
ของ DBA ในกรณีที่ DB2 ใช้ resources ต่างๆ ถึงค่าที่ตั้งไว้ใน Health Monitor
จะมีการส่ง Mail หรือ Pager ไปยังชื่อ และ email ที่ระบุ Click Next
3.25 จะขึ้นหน้าจอสรุปสิ่งต่างๆ ที่ได้เลือกไปทั้งหมด Click Finish
3.26 จะเริ่มติดตั้งและ Config ระบบฐานข้อมูล DB2 UDB เมื่อทำการติดตั้งเรียบร้อย
แล้ว จะขึ้นหน้าจอแนะนำสิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับต่อไป (Post-install Step Tab)
รวมถึงจะแสดงสถานะของการติดตั้งของส่วนประกอบต่างๆ ที่เลือกว่า Success
หรือ Failure (Status Report Tab)
ข้อแนะนำ : ควรเลือก Status Report Tab เพื่อตรวจสอบดูว่าการติดตั้ง DB2 UDB
สมบูรณ์หรือไม่
Click Finish
4 ติดตั้ง FixPak ล่าสุด
DB2 Fixpak คือ Software ที่ใช้ในการติดตั้ง Features ใหม่ รวมถึงการแก้ไขปัญหา
(Bugs) ต่างๆ ของ DB2 UDB โดยสามารถดูรายละเอียดของ Bugs ที่แก้ไขแล้วที่
ไฟล์ APARLIST.TXT โดยสามารถ Download Fixpak จาก Web ต่อไปนี้
ข้อควรระวัง : หลังจากทำการติดตั้ง DB2 Fixpak แล้วจะไม่สามารถย้อนกลับไปยัง
สถานะก่อนการติดตั้งได้ (ในกรณีที่ไม่ได้ใช้ ./installFixPak –a -y)
ขั้นตอนในการติดตั้ง DB2 Fixpak
(สามารถดูรายละเอียดขั้นตอนการติดตั้งทั้งหมดได้ที่ไฟล์ FixPackReadme.txt)
4.1 ทำการ Download Fixpak จาก IBM Web Site
4.2 Log on เข้าสู่ระบบโดยใช้ root
4.3 ทำการ Uncompress and untar ไฟล์ Fixpak ที่ได้จากการ Download
ตัวอย่าง :
cd /db2_fixpak
uncompress FP5_U496793.tar.Z
tar -xvf FP5_U496793.tar
4.4 หยุดการใช้งาน DB2 Instance โดยใช้คำสั่งดังต่อไปนี้
su - iname
. $HOME/sqllib/db2profile
db2 force applications all
db2 terminate
db2stop
db2licd -end # run at each physical node
exit
โดยที่ iname หมายถึง Log in ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ DB2 Instance
เช่น db2inst1 เป็นต้น ในกรณีที่ระบบมี DB2 Instance มากกว่า 1 Instance จะ
ต้องหยุดการใช้งานทุกๆ Instance
4.5 หยุดการใช้งาน DB2 Administration Server (DAS) โดยใช้คำสั่งต่อไปนี้
su - aname
. $HOME/das/dasprofile
db2admin stop
exit
โดยที่ aname หมายถึง Log in ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ DB2
Administration Server (DAS)
4.6 Run คำสั่งต่อไปนี้
/usr/sbin/slibclean
4.7 ตรวจสอบว่า มีการใช้งาน Fault Monitor ตามขั้นตอนดังนี้
- เข้า Log on root
- ps –ef | grep db2fmcd ถ้ามี process ทำงานอยู่ให้ทำตามขั้นตอนต่อไป
- ถ้าต้องการ Disable the Fault Monitor Coordinator
/usr/opt/db2_08_01/bin/db2fmcu –d
- ถ้าต้องการ Stop the Fault Monitor Daemon
/usr/opt/db2_08_01/bin/db2fm –D
4.8 ตรวจสอบว่ามีการ Free Resource ต่างๆ ของ Instance โดยทำตามขั้นตอนดังนี้
su – iname
$HOME/sqllib/bin/ipclean
โดยที่ iname หมายถึง Log in ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ DB2 Instance
เช่น db2inst1 เป็นต้น ในกรณีที่ระบบมี DB2 Instance มากกว่า 1 Instance จะ
ต้องทำการ Free Resource สำหรับ ทุกๆ Instance
4.9 ทำการ Backup ไฟล์ Data Warehouse functionality
(/usr/opt/db2_08_01/bin/IWH.environment)
4.10 ตรวจสอบ operating system patches จากไฟล์ FixpakReadme.txt (ในส่วน
Prerequisites section)
4.11 Run คำสั่งต่อไปนี้ เพื่อติดตั้ง Fixpak
- เข้า Logon root
- ในกรณีที่ต้องการย้อนกลับไปยัง Level ก่อนการติดตั้ง Fixpak
./installFixPak -y -a
ในกรณีนี้จะต้องมีการเผื่อเนื้อที่ใน /usr/opt/db2_08_01 เพราะก่อนที่จะทำ
การติดตั้ง Fixpak จะมีการ Backup ไฟล์เดิมไว้
- ในกรณีที่ต้องการติดตั้ง Fixpak แบบถาวร ไม่สามารถย้อนกลับไปยัง Level
ก่อนการติดตั้งได้
./installFixPak -y
4.12 DB2 UDB จะเริ่มทำการติดตั้ง DB2 Fixpak
4.13 หลังจากติดตั้ง DB2 Fixpak เรียบร้อยแล้วให้ Run คำสั่งต่อไปนี้
/usr/opt/db2_08_01/instance/db2iupdt iname
โดยที่ iname หมายถึง Login ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ DB2 Instance
เช่น db2inst1 เป็นต้น ในกรณีที่ระบบมี DB2 Instance มากกว่า 1 Instance จะ
ต้อง Run คำสั่งนี้สำหรับทุกๆ Instance
/usr/opt/db2_08_01/instance/dasupdt aname
โดยที่ aname หมายถึง Login ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ DB2
Administration Server (DAS)
4.14 ทStart DB2 Instance ำการ และ DB2 Administration Server โดยใช้คำสั่ง
ต่อไปนี้
su - iname
db2start
โดยที่ iname หมายถึง Login ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ DB2 Instance
เช่น db2inst1 เป็นต้น ในกรณีที่ระบบมี DB2 Instance มากกว่า 1 Instance จะ
ต้อง Run คำสั่งนี้สำหรับทุกๆ Instance
su - aname
db2admin start
โดยที่ aname หมายถึง Login ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ DB2
Administration Server (DAS)
4.15 ทำการ Rebinding ฐานข้อมูล DB2 UDB โดยใช้คำสั่งต่อไปนี้
su - iname
db2 terminate
db2 CONNECT TO <dbname>
db2 BIND $HOME/sqllib/bnd/@db2ubind.lst BLOCKING ALL GRANT
PUBLIC
db2 BIND $HOME/sqllib/bnd/@db2cli.lst BLOCKING ALL GRANT
PUBLIC
db2 terminate
โดยที่
- iname หมายถึง Login ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ DB2 Instance
เช่น db2inst1 เป็นต้น ในกรณีที่ระบบมี DB2 Instance มากกว่า 1 Instance
จะต้องทำการ Rebinding ฐานข้อมูล DB2 UDB สำหรับทุกๆ Instance
- dbname หมายถึง ฐานข้อมูลที่สร้างใน Instance นั้นในกรณีที่มีฐาน
ข้อมูล มากกว่า 1 ฐานข้อมูล จะต้องทำการ Rebinding ทุกๆ ฐานข้อมูล
4.15 Bind db2schema.bnd
su - iname
db2 terminate
db2 CONNECT TO <dbname>
db2 BIND $HOME/sqllib/bnd/db2schema.bnd BLOCKING ALL
GRANT PUBLIC sqlerror continue
db2 terminate
4.16 ถ้าต้องการ bind เฉพาะบาง .bnd file (Option)
su - iname
db2 terminate
db2 CONNECT TO <dbname>
db2 BIND <path>/<bind_file> BLOCKING ALL GRANT PUBLIC
sqlerror continue
db2 terminate
โดยที่ <bind_file> หมายถึงชื่อของ bind file
ขั้นตอนการ Uninstall Fixpak 9 (DB2 8.2.2)
- หยุดการใช้งานทุกๆ Instances รวมถึง DAS
- Backup data
- ในกรณีที่ติดตั้ง Fixpak โดยใช้ installFixpak –a –y จะสามารถ Uninstall
กลับไปยัง Level เดิมก่อนติดตั้ง Fixpak ได้โดยใช้คำสั่ง SMIT (AIX)
- Update ทุกๆ Instances และ DAS โดยใช้ db2iupdt และ dasupdt
5 ตรวจสอบการติดตั้งระบบฐานข้อมูล โดยใช้ Command Line Processor (CLP)
5.1 Log on เข้าสู่ระบบโดยใช้ db2inst1
5.2 ตรวจสอบว่า Start DB2 UDB หรือไม่โดยใช้คำสั่ง
ps -ef |grep db2
ถ้า DB2 UDB start จะต้องมี Process ที่ขึ้นต้นด้วย db2
5.3 Run คำสั่ง db2sampl เพื่อสร้างฐานข้อมูลชื่อ Sample
5.4 Run คำสั่งต่อไปนี้
db2 connect to sample
db2 "select * from staff where dept = 20"
จะแสดงข้อมูลของ Table Staff
db2 connect reset
5.5 หลังจากตรวจสอบการติดตั้งระบบฐานข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ถ้าต้องการลบ
ฐานข้อมูล Sample ทำได้โดยใช้คำสั่ง db2 drop database sample
6 (ทางเลือก) ติดตั้ง DB2 Information Center
6.1 Log on เข้าสู่ระบบโดยใช้ root
6.2 ใส่แผ่น DB2 Information Center ไปที่ CD-ROM drive
6.3 ใช้คำสั่งต่อไปนี้
mount /cdrom
cd /cdrom
6.4 Run คำสั่งต่อไปนี้
./db2setup
DB2 UDB จะทำการ Start DB2 Setup Launchpad ให้เลือก Install Products
6.5 จะขึ้นหน้าจอให้เลือก Product ที่ต้องการติดตั้ง ให้เลือก DB2 Information
Center แล้ว Click Next
6.6 จะขึ้นหน้าจอ Welcome to the DB2 Setup wizard ให้ Click Next
6.7 จะขึ้นหน้าจอ Software License Agreement ให้เลือก Accept Click Next
6.8 จะขึ้นหน้าจอ Installation Action ให้เลือก Install DB2 Information Center
on this computer แล้ว Click Next
6.9 จะขึ้นหน้าจอให้เลือกภาษาที่ต้องการติดตั้ง (จะทำการติดตั้งที่
/usr/opt/db2_08_01) ให้ Click Next
6.10 จะขึ้นหน้าจอให้ระบุ Service Name และ Port Number ของ DB2 Information
Center (ค่า Default คือ db2icserver และ 51000) Click Next
6.11 จะขึ้นหน้าจอสรุปสิ่งต่างๆ ที่ได้เลือกไปทั้งหมด Click Finish
6.12 จะเริ่มติดตั้ง DB2 Information Center เมื่อทำการติดตั้งเรียบร้อย
แล้ว จะขึ้นหน้าจอแนะนำสิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับต่อไป (Post-install Step Tab)
รวมถึงจะแสดงสถานะของการติดตั้งของส่วนประกอบต่างๆ ที่เลือกว่า Success
หรือ Failure (Status Report Tab)
ข้อแนะนำ : ควรเลือก Status Report Tab เพื่อตรวจสอบดูว่าการติดตั้ง DB2 UDB
สมบูรณ์หรือไม่
Click Finish
ขั้นตอนการสร้างฐานข้อมูลภาษาไทย
1 ทำการติดตั้งภาษาไทยบน AIX
2 Log on โดยใช้ db2inst1
3 ใช้คำสั่ง db2set DB2CODEPAGE=874
4 ใช้คำสั่ง db2set DB2COUNTRY=66
5 สร้างฐานข้อมูลโดยใช้ DB2 Control Center หรือใช้คำสั่งต่อไปนี้
DB2 CREATE DATABASE <databaseName> USING CODESET TIS620-1
TERRITORY TH COLLATE USING NLSCHAR
0 comments:
Post a Comment